วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วันคริสต์มาส

ตำนานวันคริสต์มาส


                                 


คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสารโบราณที่เป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas

เทศกาล Christmas หรือ X’Mas ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวาคมนั้นเป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ โดยพระองค์ประสูติที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร

ด้านนักประวัติศาสตร์ก็มีความเห็นที่ต่างออกไปโดยได้วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยะเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ.274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูซึ่งเปรียบเสมือนความสว่างของโลก และเหมือนดวงจันทร์เป็นความสว่างในตอนกลางคืนแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ.330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย

เทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู และเป็นการฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์โลก โดยส่งบุตรชาย คือ "พระเยซู" ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่บาป และช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากการทำชั่วนั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ถือเป็นวันที่มีความหมายสำคัญชาวคริสต์ทั่วโลก และมีการส่งบัตรอวยพร ให้ของขวัญ แก่กันและกัน รวมทั้งประดับประดาตกแต่งบ้านเรือนด้วยแสงไฟ และต้นคริสต์มาสอย่างสวยงาม

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

10 คำคม จาก 10 ภาษา



ภาษาจีน 每个人有自己的路要走(เม่ยเกอะเริ่น โย่วจื้อจี๋เตอะลู้เย้าโจ่ว)
ความหมาย ทุกคนมีทางเดินเป็นของตัวเอง
ทุกๆ คนมีสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ฝัน และทางเลือกเป็นของตัวเอง สิ่งหนึ่งที่เราชอบ อาจเป็นสิ่งที่อีกคนเกลียด หรือสิ่งหนึ่งที่เราฝัน อาจเป็นสิ่งที่อีกคนมีอยู่แล้วและไม่จำเป็นต้องไขว่ค ว้า เพราะฉะนั้นขอให้ภูมิใจกับทางเดินของตัวเอง เพราะนั่นคือสิ่งที่แสดงถึงความเป็นตัวเราได้ดีที่สุ ด


ภาษาอังกฤษ Life is what we make of it
(ไลฟ์ อิส วอท วี เมค ออฟ อิท)
ความหมาย ชีวิตคือสิ่งที่เราสร้างเอง
คนเรา ถึงแม้เลือกเกิดไม่ได้ แต่สามารถเลือกสร้างชีวิตได้ ขวนขวายโอกาส และมีความพยายามได้สร้างชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้น เพื่อพร้อมรับโอกาสดีๆ ที่อาจจะเข้ามาได้ทุกเวลา ความสำเร็จในชีวิตสร้างได้ด้วยตัวเองค่ะ


ภาษาญี่ปุ่น 天は人の上に人をつくらず 人の下に人をつくらず(เทน วะ ฮิโตะโนอูเอะ นิ ฮิโตะโวะ ซึคุราซึ ฮิโตะโนะชิตะ นิ ฮิโตะโวะ ซึคุราซึ)
ความหมาย ฟ้ามิได้สร้างคนให้อยู่เหนือคน และมิได้สร้างคนให้อยู่ใต้คน
ประโยคนี้ ฟุคุซาวะ ยูคิชิ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเคโอเป็นผู้พูด ซึ่งหมายความว่า คนเราทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งแยกว่าสูงกว่าหรือต่ำกว่า เพราะฉะนั้นเราไม่ควรดูถูกผู้อื่น รวมถึงใครที่กำลังท้ออยู่ก็ห้ามคิดว่าตัวเองด้อยกว่า คนอื่น


ภาษาฝรั่งเศส Le génie est une longue patience(เลอ เจนี เอ อูน ลง ปาซิยองซ์)
ความหมาย อัจฉริยภาพคือความอดทนอันยาวนาน
การที่คนๆ หนึ่งจะกลายเป็นคนเก่งที่ฉลาดรอบรู้ได้นั้นไม่ใช่เรื ่องง่ายๆ แน่นอนว่าพวกเขาต้องขยันแล้วก็ขยัน ซึ่งความ ขยันที่ทุ่มเทลงไปนั้น อาจจะทำให้พวกเขาบางคนพลาดสิ่งสนุกๆ ในชีวิต เช่น การเที่ยวเล่นกับเพื่อน การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องอดทนและข่มใจเพื่อให้ผ่านช่วงเวลานั้นไปได้


ภาษาเกาหลี 하늘에 별 따기(ฮานึลเล พยอล ตากี)
ความหมาย เด็ดดาวบนท้องฟ้า
หมายถึงสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ นั่นเอง ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องดูขีดความสามารถของเราด้วยว่าเรามีพลังพอที่จะทำ มั้ย แต่บางคนอาจเป็นพวกชอบลอง รู้ว่าไม่ได้ แต่ก็อยากลอง แต่ก็อย่าลืมว่า ถ้าเราเอาเวลาตรงนั้นไปมุ่งมั่นกับสิ่งที่มีโอกาสเป็ นไปได้ล่ะก็ คุ้มค่ากว่าเยอะเลย จริงมั้ย


ภาษาเยอรมัน Das Leben ist eine Reise(ดาส เลเบน อิส อายเนอ ไรเซอ)
ความหมาย ชีวิตคือการเดินทาง
อาจจะตีความหมายได้ 2 แง่คือเริ่มเดินทางตั้งแต่เกิดจนตาย หรือเดินทางเพื่อไปหาเป้าหมายในชีวิต แต่ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในรูปแบบไหน เราก็ต้องเจอทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี และอุปสรรคที่เราเจอนั้นจะยิ่งทำให้เราภูมิใจและสามา รถยิ้มได้ทุกครั้งที่ย้อนมองกลับไปว่าเราเอาชนะมันได ้


ภาษาสเปน Cuando una puerta se cierra, otra se abre(ก๊วนโด้ อู๊น่า ปูเอรฺต้า เซ เซียร่า โอ๊ตร้า เซ อาเบร่)
ความหมาย เมื่อประตูบานนึงถูกปิดลง อีกประตูก็จะเปิดขึ้น
เชื่อเถอะ ว่าถึงแม้ประตูบานนึงจะถูกปิดไป ก็ย่อมมีประตูอีกบานที่เปิดรับและฉายแสงส่องสว่างให้ อย่างดี หนทางไม่ได้มืดมนเสมอไป ถ้าเราเจอเรื่องแย่เรื่องหนึ่ง ลองมองรอบตัวดีๆ นะคะ สิ่งดีๆ อาจจะยืนรออยู่อีกมุมก็ได้


ภาษาเวียดนาม Ai cũng phải chết một lần(อาย กุ๊ง ฝาย เจ๊ท โหมด เหลิ่น)
ความหมาย คน เราตายได้แค่ครั้งเดียว
คนเราเกิด ครั้งเดียว ตายครั้งเดียว ถ้าตายนั่นหมายถึงการสิ้นสุดของชีวิตที่ไม่สามารถทำ อะไรต่อไปได้อีก เพราะฉะนั้นลองคิดให้ดีนะคะว่าชีวิตตลอดเวลาสิบกว่าป ีหรือยี่สิบปีได้ใช้ทำอะไรที่มันคุ้มค่าบ้างแล้วหรือ เปล่า เพราะอนาคตคือสิ่งที่เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไ รขึ้น รวมถึงเราไม่มีทางรู้เลยว่าวันไหนคือวันสุดท้ายของชี วิตเรา


ภาษาอิตาเลียน Non fare il passo più lungo della gamba(นน ฟาเร่ อิล ปั๊สโซ่ ปิ๊ว ลุงโก้ เดลลา กัมบ้า)
ความหมาย อย่าก้าวเท้ายาวกว่าความยาวของขา
ในการ ก้าวนั้น ควรก้าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่สำคัญคืออย่ารีบก้าวยาวมากไป เพราะแทนที่จะถึงจุดหมายไว เราอาจจะต้องลื่นล้มเสีย เวลาเจ็บตัวฟรีๆ เพราะฉะนั้นควรประมาณความยาวของขาและแรง พลังของตัวเองให้ดีว่ามีมากเท่าไหน ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม


ภาษาดัทช์ Waar een wil is, is een weg(วาร์ เอิ่นวิลอีส อีสเอิ่นเว็ก)
ความหมาย ถ้า ไม่ท้อถอยซะก่อน หนทางสำเร็จก็ไม่ไปไหน
ประโยคนี้ เป็นประโยคที่ผู้ใหญ่เอาไว้ปลอบใจเด็กหรือค นที่อายุน้อยกว่าในเวลาที่ท้อและต้องการกำลังใจ หรืออาจจะแปลง่ายๆ ว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น


เมืองน่าเที่ยวประเทศเยอรมัน

-เมืองมิวนิค
เป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย มีประชากรประมาณ 1.3 ล้านคน เป็นเมืองที่มีหอศิลปะสวนสาธารณะ และพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง งานมหกรรมใหญ่ประจำปีทั่วโลกรู้จักคือ Oktoberfest เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่มีชื่อเสียง

ปราสาทนอยชวานชไตน์ 
ปราสาทนอยชวานชไตน์
เดินทางลัดเลาะไปตามเส้นทางไหล่เขาสู่ สะพานควีนแมรี่ ซึ่งเป็นจุด ชมวิวปราสาทที่ดีที่สุดชมความสวยงามของป่าไม้ และบ้านพักสไตล์ชาเล่ย์ ที่ประดับประดาไป ด้วยดอกไม้หลากหลายสี ชมทิวทัศน์อันงดงามของตัว ปราสาทท ที่โดดเด่น มีทะเลสาบและธาร น้ำล้อมรอบ ภายในตัวปราสาทที่ตกแต่งไว้อย่างอลังการ ปราสาทนี้สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 18–19รัชสมัยของพระเจ้าลุดวิกที่ 2ตามจินตนาการ ของคีตกวีชาวเยอรมนี ริชาร์ดวากเนอร์ พระสหายคู่ พระทัย ชม ห้องทรงงาน,ห้องบรรทม,ห้องฮอลล์ที่ใช้ในการแสดงโอเปร่าและคอนเสิร์ต รับฟังเรื่องราวอันน่าสลดใจ ของผู้ที่ สร้างปราสาทแห่งนี้

จตุรัสมาเรียนพลัทซ์
จตุรัสมาเรียนพลัทซ์ (Marienplatz)
Marienplatz (มาเรียนพลัทซ์) หรือ Mary's Square อยู่กลางใจเมืองของนครมิวนิค ตั้งแต่ปี ค.ศ.1158 (850 ปีมาแล้ว)ตั้งแต่ยุโรปสมัยกลาง (Middle Ages) เป็น " หัวใจ " ของเขตเมืองเก่า และเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มชมเมือง ในยุคกลางที่นี่เคยเป็นตลาด แต่ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการจัดงานสำคัญทางวัฒนธรรมต่างๆ มาเรียนพลาตซ์ มีสิ่งที่น่าชมมากมาย อาทิ Mariensauleรูปปั้นพระแม่มารีทองคำบนเขาสูงศาลาว่าการเมืองใหม่ ( Neuse Rathaus ) ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ Glockenspiel หอระฆัง ที่มีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำ เวลา 11 โมงเช้าในหน้าหนาว และ 5 โมงเย็นในหน้าร้อน

เรสซิเดนซ์ 
เรสซิเดนซ์ (Residentz)
พระราชวังที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ มิวนิค ที่ซึ่งเป็นที่ประทับและศูนย์กลางอำนาจของกษัตริย์บาวาเรียนมานาน ปัจจุบันห้องมีจำนวน 130 ห้อง ภายในพระราชวังเป็นสถานที่จัดแสดงสมบัติล้ำค่ามากมายทั้งเฟอร์นิเจอร์ ภาพเขียน เครื่องเคลือบ และเครื่องเงิน ไฮไลท์ที่ควรเยี่ยมชมคือ Antiquariumห้องโถงสไตล์เรอเนสซองส์ที่สวยงาม( Residentz )

โอลิมปิกปาร์ก 
โอลิมปิกปาร์ก (Olympic Park)
ศูนย์กีฬาขนาดใหญ่สำหรับการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ที่มิวนิคเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 1972ปัจจุบันนี้โอลิมปิกปาร์กเปรียบเหมือนส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตชาวเมือง ที่นี่เป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กสมัยใหม่ที่สำคัญ 2อย่างของมิวนิค คือ หอโทรคมนาคม สูง 290เมตร และสเตเดียมทันสมัยสร้างแบบหลังคาเต็นท์ด้วยแท่งสลิงเหล็กยึดแขวนแผ่นอะครีลิกโปร่งแสงที่คลุม เป็นหลังคาเหมือนใยแมงมุม ถ้าไม่กลัวความสูง สามารถขึ้นลิฟต์ไปชมวิวชั้นบนสุดได้ (เสียค่าขึ้น 3 ยูโร) ภายในโอลิมปาร์กแห่งนี้ยังมีสระว่ายน้ำ และที่เล่นสเก็ตสำหรับผู้รักการออกกำลังกายทั้งหลาย

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาวาเรียน 
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาวาเรียน (The Bavarian National Museum)
อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมและศิลปะ โดยพระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 2จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์นี้คือ คอลเลกชั่นงานศิลป์ชั้นยอด ตั้งแต่ยุคกลางเรื่อยมาจนถึงอาร์ตนูโว จัดแสดงเต็มพื้นที่ทั้ง 3ชั้น ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาวัฒนธรรมและศิลปะยุโรปในยุคต่าง ๆ ผ่านทางภาพเขียน เฟอร์นิเจอร์ งานหัตถกรรม เครื่องดนตรี และอาวุธในสมัยโบราณพิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาวาเรีย

ตลาดวิคทัวเลียน 
ตลาดวิคทัวเลียน (Viktualienmarkt)
ถูกค้นพบในปี 1807 เป็นตลาดผักและผลไม้สดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ที่ที่เหมาะอย่างยิ่งที่จะมาซื้อและหาของกิน ตั้งแต่ผักสด ๆ จากฟาร์มไปจนถึงผลไม้นำเข้า รวมถึงแผงลอยที่ขายอาหารทานเล่น เช่น ชีส ฮอตด็อก หรือไส้กรอกอีกนับไม่ถ้วนViktualienmarket

พิพิธภัณฑ์นอย พิกาโกเทค 
พิพิธภัณฑ์นอย พิกาโกเทค (Neue Pinakothek)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะพินาโกเทคยุคใหม่ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับอัลเท่อ พินาโกเทค (The Alter Pinakothek ) จัดแสดงภาพวาดและงานปติมากรรมยุโรปตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 ถึงศตวรรษที่ 20 ที่มีจุดเด่นอยู่ที่งานศิลปะเยอรมันในสมัยศตวรรษที่ 19 คอลเลกชั่นที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่งยวด นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่เก็บรวบรวมคอลเลกชั่นดี ๆ ของงานศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์จากประเทศอังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส ในสมัยศตวรรษที่ 19อีกด้วย



-เมืองเบอร์ลิน
เมืองหลวงของประเทศตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นเมืองใหญ่สุด มีประชากร 3.5 ล้านคน เป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรม มีโรงละคร โรงแสดงคอนเสิร์ต วงดนตรีขนาดใหญ่ที่เรียกว่าวงออเคสตร้า พิพิธภัณฑ์ และเวทีแสดงศิลปะและดนตรีที่มีชื่อเสียง

กำแพงเบอร์ลิน 
กำแพงเบอร์ลิน (Berliner Mauer)
อดีตแห่งการแบ่งแยกที่ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่กิโลเมตร เพื่อเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ให้กับคนรุ่นหลัง จะมีไม้กางเขนปักอยู่ นั่นเป็นบริเวณที่ผู้หลบหนีในอดีตถูกยิงเสียชีวิตตรงนั้น เขาเลยเอาไม้ กางเขนมาปักเอาไว้เป็นอนุสรณ์เตือนใจ

พิพิธภัณฑ์ชาร์ลี เช็คพ้อยส์ 
พิพิธภัณฑ์ชาร์ลี เช็คพ้อยส์ (CHARLIE CHECKPOINT)
จุดตรวจคนเข้า-ออก ระหว่าง 2ฝั่งเบอร์ลิน ซึ่งท่านจะได้เห็นภาพของความพยายาม ในการหลบหนี ของผู้คนจากฝั่งตะวันออก สู่ฝั่งตะวันตก

ประตูบรานเดนบวร์ก 
ประตูบรานเดนบวร์ก (Brandenburger Tor/Brandenburg Gate)
เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบอร์ลินเพราะเป็นประตูเมืองเก่า ได้รับการก่อสร้างระหว่าง ค.ศ.1788-91ตามศิลปะแบบโรมัน โดยฝีมือ C.G.Langhans ตั้งอยู่ที่ Pariser Platz และถนน Unter den Linden สถานที่แห่งนี้ถือเป็นเครื่องหมายแห่งความสงบสุข และมีความสำคัญโดยเป็นจุดแบ่งกรุงเบอร์ลินออกเป็นสองส่วนคือตะวันออกและตะวันตก ด้านบนมีรูปปั้นชื่อ Quadrigaสูง 5เมตร มีราชินีแห่งชัยชนะ (Siegesgoettin Viktoria)ควบขับรถเทียมม้า 4ตัว มุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออกของเบอร์ลิน ในมือถืออิสริยาภรณ์กางเขนเหล็กกับพวงมาลัยใบมะกอกและ นกอินทรีซึ่งเป็นสัตว์ที่แสดงอำนาจของยุคปรัสเซียร์ (Preussen/Prussia)
พระราชวังชาล็อตเทนเบิร์ก 
พระราชวังชาล็อตเทนเบิร์ก (Schloss Charlottenburg)
พระราชวังอันสวยงาม เดิมเป็นที่ประทับฤดูร้อนในสมเด็จพระราชินีโซเฟียชาล็อต สร้างปลาย ศตวรรษที่ 17 และมีการต่อเติมเรื่อยมาในศตวรรษที่ 18 เดิมมีชื่อว่า Lietzenburg เป็นพระราชวัง สำหรับฤดูร้อนของพระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 1ต่อมาเมื่อพระราชินีคือพระนางโซเฟีย ชาล็อตสวรรคตลง จึงเปลี่ยนชื่อพระราชวังตามชื่อของพระนางเพื่อเป็นการรำลึกถึง นางฟ้าบนยอดปราสาทหมุนได้ ตามแรงลม ดังนั้นแต่ละวันเธอจะหันหน้าไปคนละทิศกัน เชื่อว่าถ้าเธอหันหน้ามาทางทิศที่เราอยู่จะ โชคดี หรือไม่ก็เดินหามุมไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอเอง

อนุสาวรีย์แห่งชัยชนะ 
อนุสาวรีย์แห่งชัยชนะ (Siegessaeule)
สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคปรัสเซีย เพื่อเป็นอนุสรณ์ของการต่อต้านพวกเดนมาร์กในปี1864ออสเตรียในปี 1866 และฝรั่งเศส ในปี 1870-71เป็นเสาสูงประมาณ 69เมตร ออกแบบก่อสร้างโดย J.H.Strackระหว่าง ค.ศ.1865-73 แต่ชาวเบอร์ลินมักจะเรียกสถานที่นี้ว่า Golde Else หรือ Victoria แห่งเบอร์ลิน บนยอดเสาคือรูปปั้นของวิคตอเรีย (Victoria)เทพีแห่งชัยชนะ ถือพวงมาลัยจากใบมะกอก (สัญลักษณ์ของชัยชนะ) กับหอก รูปปั้นนี้หนัก 35 ตัน สูง 8 เมตร มีบันได 285 ขั้น สามารถเดินขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ บริเวณนี้ทั้งหมดเรียกว่า Grosser Stern แปลว่าดาวดวงใหญ่ เพราะมีถนนห้าสายใหญ่มาบรรจบกันที่อนุสาวรีย์นี้ ถ้ามองจากข้างบนลงมาจึงดูคล้ายรัศมีของดาวที่เป็นแฉก




-เมืองพอตสดัม (POTSDAM)
อีกหนึ่งเมืองสวยของอดีตเยอรมันตะวันออก ซึ่งถูกซ่อนเก็บไว้หลังกำแพง ความแตกแยก
มากว่า 40 ปี


พระราชวังซองส์ ซูซี 
พระราชวังซองส์ ซูซี (SANS SOUCI)
ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส ในความหมายว่า “ไร้กังวลหรือไกลกังวล” ซึ่งมีความงดงามไม่แพ้พระราชวัง แวร์ซายส์ เป็น​ที่ประทับฤดูร้อนของ​พระมหากษัตริย์ (ไร้กังวลหรือไกลกังวล)นี้​ได้กลาย​เป็นมรดกโลก ภายใต้การคุ้มครอง ขององค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. ๑๙๙๐​และมีหน่วยงานด้านการดูแลพิพิธภัณฑ์คอยบำรุงรักษา ปัจจุบันนี้มีคน เข้าเยี่ยมชมมากกว่าปีละ ๒ล้านคนจากทั่วโลก คฤหาสน์ไกลกังวลนี้​เป็น​พระราชวังฤดูร้อน ของ​พระเจ้า เฟรเดอริคมหาราชแห่งปรัสเซียค่ะ​หาก​จะเปรียบเทียบก็ประมาณว่า ​เป็นคู่แข่ง​กับ​พระราชวังแวร์คซายส์ เห็น​จะ​ได้ ​แต่คฤหาสน์ไกลกังวลนี้ขนาด​จะเล็กกว่ามาก ผู้ออกแบบ​คือ Georg Wenzeslaus von Knobelsdorff ตาม​พระบัญชาของเฟรเดริคมหาราช​ที่ทรงประสงค์​จะมี​ที่พักผ่อนอันสงบจากงานพิธีในกรุงเบอร์ลิน ​พระราชวังหลังนี้ใหญ่กว่าวิลล่าขนาดใหญ่สองชั้นไม่มากนัก ​และมีห้องหลัก ๆ​ แค่ ๑๐ ห้อง ​แต่ปลูกสร้างบนเนิน​ที่ทำ​เป็นเทอร์เรซไล่เลียงลงเนิน​ไปตามลำดับ






-เมืองโคโลญจ์ เมืองนี้ประกอบด้วยโบสถ์สวยงามมากมาย มีประชากรประมาณ 1,000,000 คน เป็นเมืองเก่ากว่า 2000 ปี และยังเป็นศูนย์กลางศิลปะ ดนตรี ร่วมสมัย รวมทั้งมหาวิทยาลัยโคโลญจ์ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1388 ปัจจุบันมีนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษาระดับสูงอื่น ๆ อยู่เกือบแสนคน

มหาวิหารโคโลญจน์ 
มหาวิหารโคโลญจน์ (Cologne Cathedral หรือ Kolner Dom) 
สร้างสำเร็จพร้อมกับมีพีธีวางหลักหินบันทึกข้อมูลการก่อสร้าง โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1791แต่มีปัญหาให้ต้องหยุดพักการก่อสร้างไปบ้าง จึงต้องใช้เวลากว่าหกร้อยปีจึงสร้างเสร็จสมบูรณ์ มหาวิหารโคโลญจน์เป็นศาสนสถานของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก นับเป็นวิหารที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลกในสมัยนั้น (แม้ปัจจุบันก็ยังติดอันดับ 3 ของโลก)ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิก(Gothic) เป็นหอคอยแฝดสร้างเพื่ออุทิศให้ นักบุญปีเตอร์และ พระแม่มารี ปัจจุบันมหาวิหารโคโลญจน์นับจุดหมายสำคัญของเมืองโคโลญจน์และประเทศเยอรมนี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1996




-เมืองแฟรงค์เฟิร์ท ( Frankfurt )
เมืองซึ่งตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำไมน์ เป็นเมืองที่มีประวัติต่อเนื่องอันยาวหลายศตวรรษเคยเป็นสถานที่ ซึ่งกษัตริย์ และจักรพรรดิหลายพระองค์เคยใช้ ประกอบพิธีราชาภิเษก ในปัจจุบัน แฟรงเฟิร์ตกลาย เป็นเมืองศูนย์กลางการคมนาคมเชื่อมโยงไปทั่ว ประเทศ จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงทางการค้าของ เยอรมัน

จัตุรัสโรเมอร์
จัตุรัสโรเมอร์
ที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ความสำคัญของที่แห่งนี้มี เดอะไคเซอร์ซาล หรือห้องจักรพรรดิที่มีการฉลองพิธีการสวมมงกุฎอันยิ่งใหญ่ ตรงกลางจัตุรัสเป็น น้ำพุแห่งความยุติธรรมด้านหน้าเป็นบ้านโครงไม้สมัยกลางที่ได้รับการบูรณะแล้ว