วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

1. เวลาอ่านหนังสือ หรือบทเรียนให้อ่านอย่างตั้งใจ แต่จะไม่อ่านไปเรื่อย ๆ คือเราจะ หยุดอ่านเมื่อจบย่อหน้าหรือหยุดเมื่ออ่านไปได้พอสมควรแล้ว

2. จากนั้นให้ปิดหนังสือ ! แล้วลองอธิบายสิ่งที่ตนเองได้อ่านมาให้ตัวเองฟัง คือ เราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังด้วยภาษาสำนวนของเราเอง ฟังแล้วเข้าใจหรือเปล่า หากเราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังรู้เรื่อง แสดงว่าเราเข้าใจแล้ว ให้อ่านต่อไปได้
3. หากตอนใดเราอ่านแล้วแต่ไม่สามารถอธิบายให้ตัวเองรู้เรื่อง แสดงว่ายังไม่เข้าใจ ให้กลับไปอ่านทบทวนใหม่อีกครั้ง
4. หากเราพยายามอ่านหลายรอบแล้วยังไม่เข้าใจจริงๆให้จดโน้ตไว้เพื่อนำไปถามอาจารย์ จากนั้นให้อ่านต่อไป
5. ข้อมูลบางอย่างในตำราจำเป็นที่จะต้องท่องจำ เช่น ตัวเลข สถิติ ชื่อสถานที่ บุคคล หรือ สูตร ต่าง ๆ ฯลฯ ก็ควรท่องจำไว้ด้วย เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
6. การเรียนด้วยวิธีท่องจำโดยปราศจากความเข้าใจ เรียนไปก็ลืมไป สูญเสียเวลา เปล่าประโยชน์
7. การเรียนที่เน้นแต่ความเข้าใจ โดยไม่ยอมท่องจำ ก็จะทำให้เราเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ไม่ชัดเจน คลุมเครือ


6 อันดับความน่ากลัวของเพลงชาติ

เพลงชาติ หมายถึงบทเพลงที่ประพันธ์ขึ้น เพื่อปลุกเร้าให้หวนระลึกถึงหรือสรรเสริญประวัติศาสตร์ชาติ ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติ หรือการต่อสู้ของชนในชาติ โดยได้รับการยอมรับจากรัฐบาลของชาตินั้น ๆ อย่างเป็นทางการ หรือความตกลงใจร่วมกันของประชาชนในชาติว่า เพลงดังกล่าวเป็นเพลงประจำชาติของตน

                                                                         

            อันดับ 6 Algeria - "Qassaman"/"We Pledge"
ประเทศแอลจีเรีย(Algeria) ประเทศบ้านเกิดของนักฟุตบอลชื่อดังซีดาน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่การปกครองของฝรั่งเศส ซึ่งคนในประเทศไม่ชอบเท่าไหร่เลยทำสงครามกองโจรต่อต้านฝรั่งเศสอย่างต่อ เนื่อง จนฝรั่งเศสยอมถอนตัวจากแอลจีเรีย จากนั้นก็มีการปฏิวัติรัฐประหารอยู่บ่อยๆ และประเทศยังมีคงปัญหาเรื่องเชื้อชาติเกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน
ส่วนเนื้อเพลง " Qassaman " แปลเป็นไทยว่าคำปฏิญาณเขียนใน 1956  โดย Moufdi Zakaria  เป็น เพลงชาติที่ใช้มายาวนาน10 ปี โดยผู้เชี่ยวชาญเพลงในประเทศมาช่วยกันออกความคิดเห็นช่วยกันแต่ง ซึ่งเนื้อหาของเพลงนั้นค่อนข้างออกมารุนแรง 

                                       

อันดับ  5. Italy - "Il Canto degli Italiani"/"The Song of the Italians"
ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ของเพลงชาติเกี่ยวกับอิตาลี มักเศร้าระทมจนกระทั้ง จูเซปเป ฟอร์ตูนีโน ฟรันเชสโก แวร์ดี (Giuseppe Verdi) เป็นคีตกวีบทเพลงประกอบโอเปรา เป็นชาวอิตาลี (ค.ศ. 1813 – 1901)ได้แต่งเพลงที่ชื่อ "Il Canto degli Italiani" แปลเป็นไทยคือ" เราพร้อมเพื่อตาย!" ซึ่งในขณะที่นครมิลาน พ่ายแพ้และถูกจักรวรรดิออสเตรียเข้ายึดครอง แวร์ดีได้ประพันธ์โอเปร่าเรื่อง “Il Corsaro” ขึ้นเพื่อให้ปลุกใจให้อิตาลีเป็นอิสรภาพจากประเทศออสเตรียในปี พ.ศ. 2390 และนำมาใช้เป็นเพลงชาติในปี พ.ศ. 2489  และพัฒนาเป็นเพลงชาติในที่สุด

                                      

 อันดับ 4. Hungary - "Himnusz/Hymn"
แต่งโดย Kölcsey Ferenc” ประเทศฮังการีนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีประวัติอย่างยาวนานมาตั้งแต่ในตอนศตวรรษที่ 9 และกล่าวจะมาเป็นประเทศฮังการีผ่านการทำสงครามโลก สงครามเย็น สงครามกลางเมืองที่แสนโหดร้าย ผู้บริสุทธิ์ถูกยิงไม่เว้นวันเพลงสดุดีนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อให้พลเมืองของประเทศทั้งหลายจับอาวุธขึ้น ต่อสู้ต่อต้านการกดขี่, ละเมิด, หรืออะไรก็ตามที่เป็นภัยคุกคาม

                                     

อันดับ 3. Turkey - "stiklal Mar/Independence March"
 stiklal Mar”แปลว่า อิสรภาพ เขียนโดย Osman Zeki Üngör”  ใช้อย่างเป็นทางการทางการ 12 มีนาคม  ค.ศ.1921 เป็นเพลงกระตุ้นสำหรับการต่อสู้ในสงครามของตุรกีเพื่อรับอิสรภาพและเป็นเพลงสดุดีกล้าหาญสำหรับสาธารณรัฐที่ตั้งขึ้นด้วยความรักอิสรภาพ, ศรัทธา, บรรลุผลความหวัง และการอุทิศตัวให้สูงศักดิ์ซึ่งจากประวัติศาสตร์ตุรกีต้องเผชิญการรุกรานของยุโรปและการดูถูกดูแคลน ดังนั้นพวกเขาจึงได้ใส่เรื่องราวเหล่านั้นเขาไปในเพลงชาติที่แสดงให้เห็นว่าอย่ามาหยามประเทศของตน

                                    

อันดับ 2. France - "Le Marseillaise"/"The Song of Marseille"
ลามาร์แซแยส(La Marseillaise) แปลตามตัวว่า เพลงแห่งเมืองมาร์เซย์ เป็นชื่อของเพลงชาติสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ใช้อยู่ในปัจจุบันประพันธ์คำร้องและทำนองโดย โคลด โจเซฟ รูเชต์ เดอ ลิสล์(Claude - Joseph  Rouget) เมื่อวันที่ 25 เมษายน ค.ศ.1792 ที่เมืองสตราสบูร์ก ในแคว้นอัลซาส เดิมเพลงนี้มีชื่อว่า "Chant de guerre de l'Armée du Rhin" แปลว่า "เพลงมาร์ชกองทัพลุ่มน้ำไรน์" เดอลิสล์ได้อุทิศเพลงนี้ให้แก่นายทหารชาวแคว้นบาวาเรีย (อยู่ในประเทศเยอรมนีในปัจจุบัน) ซึ่งเกิดในประเทศฝรั่งเศสผู้หนึ่ง คือจอมพลนิโคลาส ลัคเนอร์ (Nicolas Luckner) เมื่อกองทหารจาก เมืองมาร์เซย์ได้ขับร้องเพลงนี้ขณะเดินแถวทหารเข้ามายังกรุงปารีส ทำให้เพลงนี้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป และกลายเป็นเพลงปลุกใจในการร่วมปฏิวัติฝรั่งเศส ทั้งยังเป็นที่มาของชื่อเพลงลามาร์แซแยสดังปรากฏอยู่ในปัจจุบันด้วย
สมัชชา แห่งชาติฝรั่งเศสได้ออกประกาศรับรองให้เพลงลามาร์แซแยสเป็นเพลงชาติฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2338 ต่อมาเพลงนี้ได้ถูกงดใช้ในช่วงรัชสมัยของจักรพรรดิโปเลียนที่ 1 และพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 และมีการนำเพลงอื่นมาใช้เป็นเพลงชาติฝรั่งเศสแทนในระยะเวลาดังกล่าวแทน หลังการปฏิวัติในปี พ.ศ. 2373 เพลงนี้ก็ได้กลับมาใช้เป็นเพลงชาติในระยะสั้นๆแต่ก็งดใช้อีกครั้งในสมัยของจักรพรรดิโปเลียนที่ 3 ตราบจนกระทั่งฝรั่งเศสเข้าสู่สมัยสาธารณรัฐที่ 3 เพลงนี้จึงได้รับการรับรองให้เป็นเพลงชาติอย่างถาวรเมื่อ พ.ศ. 2422

                                  

อันดับ 1. Vietnam - "Tien Quan Ca"/"Army March"
ส่วนมากของเพลงสดุดีอื่นๆ จะเน้นเรื่องสันติภาพ, ความภูมิใจแห่งชาติ แต่เพลงสดุดีของประเทศเวียดนามนั้นมันต่างกัน เพราะเน้นเรื่องสงครามทั้งหมด
"Tien Quan Ca" แปลเป็นไทยคือ "มาร์ช ทหารเวียดนาม" เป็นเพลงชาติของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประพันธ์โดย เหงียน วัน คาวและใช้เป็นเพลงชาติของสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามใน พ.ศ. 2488 และนำมาใช้เป็นเพลงชาติของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามหลังจากการรวมประเทศในปี พ.ศ. 2519













วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ลามาร์แซแยซ” (La Marseillaise) "เพลงแห่งเมืองมาร์แซย์" เป็นชื่อขเพลงชาติสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย โกลด โฌแซ็ฟ รูเฌ เดอ ลีลเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2335 ที่เมืองสทราซบูร์ในคว้นอาลซัส เดิมเพลงนี้มีชื่อว่า "Chant de guerre de l'Armée du Rhin" แปลว่า "เพลงมาร์ชกองทัพลุ่มน้ำไรน์" เดอลีลได้อุทิศเพลงนี้ให้แก่นายทหารชาวแคว้นบาวาเรีย (อยู่ในประเทศเยอรมนีในปัจจุบัน) ซึ่งเกิดในประเทศฝรั่งเศสผู้หนึ่ง คือจอมพลนีกอลา ลุคเนอร์ (Nicolas Luckner) เมื่อกองทหารจากเมืองมาร์แซย์ได้ขับร้องเพลงนี้ขณะเดินแถวทหารเข้ามายังกรุงปารีส ทำให้เพลงนี้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป และกลายเป็นเพลงปลุกใจในการร่วมปฏิวัติฝรั่งเศส ทั้งยังเป็นที่มาของชื่อเพลงลามาร์แซแยซดังปรากฏอยู่ในปัจจุบันด้วย       
สมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศสได้ออกประกาศรับรองให้เพลงลามาร์แซแยซเป็นเพลงชาติฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2338 ต่อมาเพลงนี้ได้ถูกงดใช้ในช่วงรัชสมัยของจักรพรรดิโปเลียนที่ 1แห่งจักรวรรดิฝรั่งเศสที่ 1 และ พระเจ้าหลุยส์ที่ 18 และมีการนำเพลงอื่นมาใช้เป็นเพลงชาติฝรั่งเศสแทนในระยะเวลาดังกล่าวแทน โดยรัชสมัยของจักรพรรดิโปเลียนที่ 1 ใช้เพลงชาติที่ชื่อว่า Veillons au Salut de l'Empireและ โดยรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 ใช้เพลงชาติที่ชื่อว่าLe Retour des Princes Français à Parisหลังการปฏิวัติในปี พ.ศ. 2373 เพลงนี้ก็ได้กลับมาใช้เป็นเพลงชาติในระยะสั้น ๆ แต่ก็งดใช้อีกครั้งในสมัยของจักรพรรดิโปเลียนที่ 3 ตราบจนกระทั่งฝรั่งเศสเข้าสู่สมัยสาธารณรัฐที่ 3 เพลงนี้จึงได้รับการรับรองให้เป็นเพลงชาติอย่างถาวรเมื่อ พ.ศ. 2422

La Marseillaise
Premier couplet
Allons enfants de la Patrie,
Le jour de gloire est arrivé !
Contre nous de la tyrannie,
L'étendard sanglant est levé, (bis)
Entendez-vous dans les campagnes
Mugir ces féroces soldats ?
Ils viennent jusque dans vos bras
Égorger vos fils, vos compagnes !
Refrain
Aux armes, citoyens
Formez vos bataillons
Marchons, marchons !
Qu'un sang impur
Abreuve nos sillons !
                        

                        

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556