1.ประตูห้องน้ำ
ประตูห้องน้ำนี้ถือเป็นจุดที่มีเชื้อโรคสะสมอยู่มากที่สุด ดร.ฮาร์ลี กล่าวว่า ห้องในโรงเรียนคือ จุดที่สะอาดที่สุด และมีการทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ แต่ "ประตูห้องน้ำ" กับไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเด็กส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะล้างมือหลังออกจากห้องน้ำ และแตะบานประตู ทำให้เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย
2.ถาดรองอาหาร
"ถาดรองอาหาร" ที่ในช่วงพักกลางวันมีคนใช้จำนวนมาก ดร.ฮาร์ลี กล่าวว่า อาหารและของต่างๆ ที่เหล่าเด็กนักเรียนต้องจับและสัมผัสมัน โดยผ่านการวางบนถาดรองอาหารมาแล้วนั้น อาจทำให้เด็กน้อยได้รับเชื้อโรคเข้าร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว เนื่องจากเด็กๆ จะต้องใช้มือสัมผัสกับถาดเหล่านี้ก่อนที่จะหยิบอาหารขึ้นมารับประทาน โดยที่ไม่รู้ว่าถาดรองอาหารเหล่านี้เป็นแหล่งรวมเชื้อโรคชั้นดีเลยทีเดียว
3.ไม่มีการแช่เย็น
เด็กนักเรียนบางคนที่ห่ออาหารมาทานเองที่โรงเรียน อาจดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ และคิดว่าคงไม่ได้เผชิญเชื้อโรค แต่ ดร.ฮาร์ลี กลับไม่คิดอย่างนั้น โดยเขาบอกว่า อาหารบางประเภทที่เด็กนักเรียนแพ็คและห่อมารับประทานนั้น จำเป็นที่จะต้องแช่เย็น แต่เมื่อนักเรียนเอามารับประทานก็ไม่ได้นำเอาใส่ในตู้แช่แข็ง จึงอาจส่งผลให้กลายเป็นโรคอาหารเป็นพิษได้
4.โต๊ะนักเรียน
เด็กนักเรียนเกือบจะทั้งวัน ต้องใช้ชีวิตอยู่กับ "โต๊ะนักเรียน" นั่นหมายความว่า โต๊ะนักเรียนเหล่านี้นั้น จะต้องผ่านทั้งน้ำลายที่เกิดจากการจามและไอของเหล่านักเรียน ดังนั้นเมื่อเด็กนักเรียนเหล่านี้สัมผัสโต๊ะเหล่านี้ ก็จะนำเอาเชื้อโรคพกกลับบ้านไปด้วย
5.อุปกรณ์งานศิลปะ
ในการเรียนวิชาศิลปะของนักเรียน ก็จะต้องมีการแบ่งปันอุปกรณ์กันใช้ ไม่ว่าจะเป็น ถาดใส่สี แปรงทาสี กรรไกร หรือมาร์คเกอร์ โดยเมื่อสัมผัสกันหลายๆ คนเข้า ก็จะมีเชื้อโรคปะปน ซึ่งเด็กนักเรียนเหล่านี้มักจะไม่รู้ตัวและเอามือไปสัมผัสใบหน้า
6.อุปกรณ์การกีฬา
วิชาพละคือ วิชาที่เด็กนักเรียนต่างเฝ้ารอคอย ดร.ฮาร์ลี กล่าวว่า การกีฬาจับพวกฟุตบอล บาสเก็ตบอล หรือกีฬาที่ต้องเล่นหลายคนนี้ เป็นหนทางที่ดีเยี่ยมในการแพร่กระจายเหาสู่กันและกันง่ายที่สุด
7.สนามเด็กเล่น
เชื้อโรคจะวนอยู่รอบๆ "สนามเด็กเล่น" ของเหล่าเด็กอนุบาลตัวน้อยเหล่านี้เต็มไปหมด เพราะเครื่องเล่นเหล่านี้มักจะไม่มีการทำความสะอาด และต้องปล่อยทิ้งไว้กลางแจ้ง ทำให้เวลาที่เด็กๆ เล่นกันหลายๆ คนเข้า ก็จะมีเชื้อโรคหมุนวน โดยเมื่อเด็กๆ กลับบ้านก็จะได้เชื้อโรคเกาะไปด้วย
8.ที่ดื่มน้ำแบบน้ำพุ
ดร.ฮาร์ลี กล่าวว่า อันดับ 1 ของการแพร่เชื้อโรค ต้องยกให้กับ "ที่ดื่มน้ำแบบน้ำพุ" เพราะเมื่อเด็กๆ เอาปากไปรองน้ำ น้ำพวกนี้ก็จะผ่านเชื้อโรคในอากาศที่ลอยฟุ้งอยู่ และยังไม่สามารถฆ่าเชื้อได้เหมือนบานประตูห้องน้ำ นอกจากนั้นน้ำที่ผ่านออกมาจากปากโลหะของที่ดื่มก็จะโดนเชื้อโรคที่เกาะอยู่ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่า เสี่ยงตั้งแต่น้ำเริ่มไหลออกมาเลยทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น