เมืองเซ็นทราเลีย แห่ง เพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา เมืองที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุตสาหกรรมเหมืองถ่านหินจนสร้างความรุ่งเรืองมากในครั้งอดีต แต่กลับถูกทำลายด้วยไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1962 โดยต้นเพลิงนั้นเกิดจากการจุดไฟเผาขยะทิ้งไว้ในบ่อเหมือง จึงเกิดการไหม้ลุกลามขยายวงกว้างกินพื้นที่ใต้ดินของอาคารบ้านเรือนอย่างรวดเร็ว แม้จะสูญเสีญค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาลเพื่อดับไฟ แต่ก็ไม่เป็นผล ทุกวันนี้ไฟยังครุกรุ่นนานนับ 40 ปี ทำให้ประชากรรอบด้านได้รับสารพิษจากคาร์บอนมอนอกไซด์ซึ่งปนเปื้อนอยู่ในอากาศ รวมถึงการเกิดดินยุบเป็นหลุมลึก ทางการจึงประกาศห้ามใช้ตึกทุกหลังในเมืองเซ็นทราเลีย และยกเลิกรหัสไปรษณีย์ ผู้คนเริ่มอพยพย้ายถิ่นฐาน จนปัจุบันหลงเหลือประชากรแทบนับจำนวนคนได้
สถานที่ไม่ควรไปเยือน อันดับ 9. Dallol
สถานที่ไม่ควรไปเยือน อันดับ 9. Dallol
ภูเขาไฟดาลลอล สูง 50 เมตร จากระดับน้ำทะเล อยู่ทางตอนเหนือของเอธิโอเปีย อุณหภูมิในบริเวณนี้มีความร้อนสูงจนไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัย เป็นหนึ่งในสถานที่ที่อยู่ห่างไกลที่สุดในโลก ทั้งยังอยู่ใกล้ชายแดนที่มีความขัดแย้ง นักท่องเที่ยวที่อยากจะลองไปเหยียบ ดาลลอล ต้องอาศัยยานพาหนะติดอาวุธ เพราะอาจถูกทำร้ายจากกองโจรได้!
สถานที่ไม่ควรไปเยือน อันดับ 8. Hanford Site
สถานที่ไม่ควรไปเยือน อันดับ 8. Hanford Site
แฮนฟอร์ด อดีตชุมชนเกษตรกรรมขนาดเล็กทางตอนใต้ของวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนหนึ่งของโครงการแมนฮัตตัน ในการผลิตพลูโตเนียมเพื่อใช้ในโรงงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และเนื่องจากปริมาณพลูโตเนียมมากเกินไป จึงทำให้เกิดกัมตภาพรังสีจำนวนมาก จนไม่สามารถกำจัดได้หมดแฮนฟอร์ด จึงกลายเป็นพื้นที่เจือปนกากกัมตภาพรังสี ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งได้รับสารพิษและสารก่อมะเร็ง!
สถานที่ไม่ควรไปเยือน อันดับ 7. Dzerzhinsk
สถานที่ไม่ควรไปเยือน อันดับ 7. Dzerzhinsk
เมืองเดอร์ซินสค์ เแห่ง รัสเซีย ตั้งอยู่บนแม่น้ำ Oka ทางตะวันออกของกรุงมอสโก ในปี 1941 ก่อนสงครามเย็น เมืองเดอร์ซินสค์ ถือเป็นแหล่งผลิตอาวุธเคมีชั้นนำของประเทศ รวมทั้งอินทรีย์เคมีอื่นๆ แม้ภายหลังจะมีการหยุดผลิตสารพิษนี้ลง โดยการฝังดินหรือทิ้งลงแม่น้ำ แต่ก็ไม่สามารถกำจัดสารพิษได้หมดไป ส่งผลให้มีสารตกค้างจนถึงปัจจุบัน ประชากรมีอันล้มป่วยล้มตาย เมืองนี้จึงเป็นศูนย์กลางผลิตสารเคมีที่มีระดับมลภาวะร้ายแรงที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
สถานที่ไม่ควรไปเยือน อันดับ 6. Dharavi
Dharavi สลัมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ตั้งอยู่ที่ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เป็นแหล่งเครื่องปั้นดินเผาและอุตสาหกรรมสิ่งทอ แต่รกเลอะเทอะด้วยสาเหตุของความแออัดจากปริมาณผู้คนที่แห่แหนเข้ามาหางานทำในเมืองหลวง และเพราะค่าครองชีพในมุมไบสูงมาก สลัมจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะค่าเช่าเพียง 185 รูปี หรือ 4 เหรียญสหรัฐ ต่อเดือนเท่านั้น ส่งผลให้บริเวณนี้มีประชากรเกินกว่า 1 ล้านคน จึงไม่น่าแปลกใจที่เมืองเต็มไปด้วยปัสสาวะและสิ่งปฏิกูล โรคระบาดทวีคูณ
สถานที่ไม่ควรไปเยือน
อันดับ 5. Linfen
เมืองหลินเฟิน แห่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มีประชากรกว่า 4.2 ล้านคน ขึ้นชื่อว่าเป็น เมืองที่สกปรกที่สุดในโลก มลพิษปกคลุมอยู่ทุกแห่งไม่ต่างจากหมอกควัน สาเหตุมาจากการเผาไหม้ของถ่านหินโรงงานไฟฟ้า และโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีไม่ได้มาตรฐานตามกฎหมาย แม้จะมีการปราบปราม แต่ปัจจุบัน เมืองหลินเฟิน ก็ยังคงเต็มไปด้วยสารตะกั่วและโลหะหนัก ชาวจีนในถิ่นนี้ต้องสวมหน้ากากลดการสูดดมตลอดวัน มิหนำซ้ำบางวันสารพิษปกคลุมจัดจนมองไม่เห็นมือตัวเอง!
สถานที่ไม่ควรไปเยือน อันดับ 4. Room 39
Room 39 หรือ ห้องหมายเลข 39 ชื่อของสำนักงานหรือหน่วยงานลับ ก่อตั้งขึ้นในปี 1970 ซึ่งที่ทำการน่าจะอยู่ที่ เปียงยาง เกาหลีเหนือ อย่างที่ทราบกันว่า เกาหลีเหนือ เป็นประเทศสันโดษ แร้นแค้น ประชากรอดอยาก ไม่เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ ทำให้ท่านผู้นำไม่สามารถหาเงินหรือใช้เงินได้สะดวก หน่วยงานลับ ห้องหมายเลข 39 จึงสร้างขึ้นมาเพื่อการรักษาเงินและเพิ่มเงินในกระเป๋าของท่านผู้นำคิม จอง อิล ซึ่งจะทำหน้าที่ฟอกเงิน ตั้งกองทุนปลอม ปลอมแปลงเงิน ทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย และสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ฟังแล้วเพลียขนาดนี้ จึงขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งใน สถานที่อันตรายที่สุดในโลก
สถานที่ไม่ควรไปเยือน อันดับ 3. Mogadishu
สถานที่ไม่ควรไปเยือน อันดับ 3. Mogadishu
Mogadishu เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดใน โซมาเลีย ประเทศในแถบแอฟริกาตะวันออก อยู่ติดกับชายฝั่งทะเลในมหาสมุทรอินเดีย เป็นเมืองท่าสำคัญมานานหลายศตวรรษ แต่ในปี 1990 เมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน เนื่องจากกองกำลังกบฏยึดครองเมือง ส่งผลให้บ้านเมืองไร้กฎหมาย ประชากรอดอยาก ถนนหลายสายชำรุด บ้านเมืองถูกทำลาย มากมายด้วยกองโจร และเหตุการณ์ระเบิดฆ่าตัวตาย นักท่องเที่ยวที่คิดจะมาเยือน โซมาเลีย ไม่ควรเฉียดเมืองนี้ หรือเปลี่ยนที่หมายไปประเทศอื่นจะปลอดภัยกว่า!
สถานที่ไม่ควรไปเยือน อันดับ 2. City Soleil
City Soleil แห่ง เฮติ มีประชากรกว่า 200,000 – 300,000 คนอาศัยในพื้นที่แห่งนี้ ถือเป็น สถานที่แออัดที่สุดและอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ไม่มีระบบระบายน้ำ ไม่มีร้านค้า ไฟฟ้า หรือ ตำรวจ ประชาชนอดอยาก ว่างงาน ไม่รู้หนังสือ แย่ไปกว่านั้นยังมีแก๊งติดอาวุธครองเมือง ซึ่งเจ้าหน้าที่สหประชาชาติก็ไม่สามารถควบคุมพื้นที่และแก้ปัญหาได้ ทั้งยังเคยเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของเฮติ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิตถึง 230,000 คน และกว่าหนึ่งล้านคนไม่มีที่อยู่อาศัย และสลัมแห่งนี้ยิ่งทวีความเลวร้ายยิ่งขึ้นจากอาชญากรรม โรคร้าย ผู้คนส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่รอดถึงอายุเพียง 50 ปี เท่านั้น!
สถานที่ไม่ควรไปเยือน อันดับ 1. Orangi Town
สถานที่ไม่ควรไปเยือน อันดับ 1. Orangi Town
เมือง Orangi เป็นที่อยู่อาศัยของผู้อพยพในตะวันตกเฉียงเหนือของ การาจี ประเทศปากีสถาน มีประชากรประมาณ 2.5 ล้านคน เป็นมุสลิมกับชนกลุ่มน้อยหลากหลายวัฒนธรรม จึงเป็นเหตุให้ประสบปัญหาความขัดแย้งทางเชื้อชาติ แม้จะมีการรณรงค์ให้ความรู้ แต่ความรุนแรงระหว่างชาวปากีสและอัฟกัน ทำให้เกิดการอพยพ ธุรกิจต่างๆ ต้องปิดตัวลง ถนนถูกทิ้งร้าง ผู้คนอาศัยอยู่ท่ามกลางความรุนแรง การข่มขืน เหตุระเบิดฆ่าตัวตาย การลักพาตัว และการลอบสังหาร จนกลายเป็นเหตุการณ์ปกติของเมืองนี้ Orangi จึงได้ชื่อว่าเป็น สถานที่อันตรายที่สุดในโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น