เป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย มีประชากรประมาณ 1.3 ล้านคน เป็นเมืองที่มีหอศิลปะสวนสาธารณะ และพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง งานมหกรรมใหญ่ประจำปีทั่วโลกรู้จักคือ Oktoberfest เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่มีชื่อเสียง
ปราสาทนอยชวานชไตน์ |
เดินทางลัดเลาะไปตามเส้นทางไหล่เขาสู่ สะพานควีนแมรี่ ซึ่งเป็นจุด ชมวิวปราสาทที่ดีที่สุดชมความสวยงามของป่าไม้ และบ้านพักสไตล์ชาเล่ย์ ที่ประดับประดาไป ด้วยดอกไม้หลากหลายสี ชมทิวทัศน์อันงดงามของตัว ปราสาทท ที่โดดเด่น มีทะเลสาบและธาร น้ำล้อมรอบ ภายในตัวปราสาทที่ตกแต่งไว้อย่างอลังการ ปราสาทนี้สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 18–19รัชสมัยของพระเจ้าลุดวิกที่ 2ตามจินตนาการ ของคีตกวีชาวเยอรมนี ริชาร์ดวากเนอร์ พระสหายคู่ พระทัย ชม ห้องทรงงาน,ห้องบรรทม,ห้องฮอลล์ที่ใช้ในการแสดงโอเปร่าและคอนเสิร์ต รับฟังเรื่องราวอันน่าสลดใจ ของผู้ที่ สร้างปราสาทแห่งนี้
จตุรัสมาเรียนพลัทซ์ |
Marienplatz (มาเรียนพลัทซ์) หรือ Mary's Square อยู่กลางใจเมืองของนครมิวนิค ตั้งแต่ปี ค.ศ.1158 (850 ปีมาแล้ว)ตั้งแต่ยุโรปสมัยกลาง (Middle Ages) เป็น " หัวใจ " ของเขตเมืองเก่า และเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มชมเมือง ในยุคกลางที่นี่เคยเป็นตลาด แต่ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการจัดงานสำคัญทางวัฒนธรรมต่างๆ มาเรียนพลาตซ์ มีสิ่งที่น่าชมมากมาย อาทิ Mariensauleรูปปั้นพระแม่มารีทองคำบนเขาสูงศาลาว่าการเมืองใหม่ ( Neuse Rathaus ) ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ Glockenspiel หอระฆัง ที่มีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำ เวลา 11 โมงเช้าในหน้าหนาว และ 5 โมงเย็นในหน้าร้อน
เรสซิเดนซ์ |
พระราชวังที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ มิวนิค ที่ซึ่งเป็นที่ประทับและศูนย์กลางอำนาจของกษัตริย์บาวาเรียนมานาน ปัจจุบันห้องมีจำนวน 130 ห้อง ภายในพระราชวังเป็นสถานที่จัดแสดงสมบัติล้ำค่ามากมายทั้งเฟอร์นิเจอร์ ภาพเขียน เครื่องเคลือบ และเครื่องเงิน ไฮไลท์ที่ควรเยี่ยมชมคือ Antiquariumห้องโถงสไตล์เรอเนสซองส์ที่สวยงาม( Residentz )
โอลิมปิกปาร์ก |
ศูนย์กีฬาขนาดใหญ่สำหรับการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ที่มิวนิคเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 1972ปัจจุบันนี้โอลิมปิกปาร์กเปรียบเหมือนส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตชาวเมือง ที่นี่เป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กสมัยใหม่ที่สำคัญ 2อย่างของมิวนิค คือ หอโทรคมนาคม สูง 290เมตร และสเตเดียมทันสมัยสร้างแบบหลังคาเต็นท์ด้วยแท่งสลิงเหล็กยึดแขวนแผ่นอะครีลิกโปร่งแสงที่คลุม เป็นหลังคาเหมือนใยแมงมุม ถ้าไม่กลัวความสูง สามารถขึ้นลิฟต์ไปชมวิวชั้นบนสุดได้ (เสียค่าขึ้น 3 ยูโร) ภายในโอลิมปาร์กแห่งนี้ยังมีสระว่ายน้ำ และที่เล่นสเก็ตสำหรับผู้รักการออกกำลังกายทั้งหลาย
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาวาเรียน |
อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมและศิลปะ โดยพระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 2จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์นี้คือ คอลเลกชั่นงานศิลป์ชั้นยอด ตั้งแต่ยุคกลางเรื่อยมาจนถึงอาร์ตนูโว จัดแสดงเต็มพื้นที่ทั้ง 3ชั้น ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาวัฒนธรรมและศิลปะยุโรปในยุคต่าง ๆ ผ่านทางภาพเขียน เฟอร์นิเจอร์ งานหัตถกรรม เครื่องดนตรี และอาวุธในสมัยโบราณพิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาวาเรีย
ตลาดวิคทัวเลียน |
ถูกค้นพบในปี 1807 เป็นตลาดผักและผลไม้สดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ที่ที่เหมาะอย่างยิ่งที่จะมาซื้อและหาของกิน ตั้งแต่ผักสด ๆ จากฟาร์มไปจนถึงผลไม้นำเข้า รวมถึงแผงลอยที่ขายอาหารทานเล่น เช่น ชีส ฮอตด็อก หรือไส้กรอกอีกนับไม่ถ้วนViktualienmarket
พิพิธภัณฑ์นอย พิกาโกเทค |
พิพิธภัณฑ์ศิลปะพินาโกเทคยุคใหม่ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับอัลเท่อ พินาโกเทค (The Alter Pinakothek ) จัดแสดงภาพวาดและงานปติมากรรมยุโรปตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 ถึงศตวรรษที่ 20 ที่มีจุดเด่นอยู่ที่งานศิลปะเยอรมันในสมัยศตวรรษที่ 19 คอลเลกชั่นที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่งยวด นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่เก็บรวบรวมคอลเลกชั่นดี ๆ ของงานศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์จากประเทศอังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส ในสมัยศตวรรษที่ 19อีกด้วย
-เมืองเบอร์ลิน
เมืองหลวงของประเทศตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นเมืองใหญ่สุด มีประชากร 3.5 ล้านคน เป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรม มีโรงละคร โรงแสดงคอนเสิร์ต วงดนตรีขนาดใหญ่ที่เรียกว่าวงออเคสตร้า พิพิธภัณฑ์ และเวทีแสดงศิลปะและดนตรีที่มีชื่อเสียง
กำแพงเบอร์ลิน |
อดีตแห่งการแบ่งแยกที่ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่กิโลเมตร เพื่อเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ให้กับคนรุ่นหลัง จะมีไม้กางเขนปักอยู่ นั่นเป็นบริเวณที่ผู้หลบหนีในอดีตถูกยิงเสียชีวิตตรงนั้น เขาเลยเอาไม้ กางเขนมาปักเอาไว้เป็นอนุสรณ์เตือนใจ
พิพิธภัณฑ์ชาร์ลี เช็คพ้อยส์ |
จุดตรวจคนเข้า-ออก ระหว่าง 2ฝั่งเบอร์ลิน ซึ่งท่านจะได้เห็นภาพของความพยายาม ในการหลบหนี ของผู้คนจากฝั่งตะวันออก สู่ฝั่งตะวันตก
ประตูบรานเดนบวร์ก |
เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบอร์ลินเพราะเป็นประตูเมืองเก่า ได้รับการก่อสร้างระหว่าง ค.ศ.1788-91ตามศิลปะแบบโรมัน โดยฝีมือ C.G.Langhans ตั้งอยู่ที่ Pariser Platz และถนน Unter den Linden สถานที่แห่งนี้ถือเป็นเครื่องหมายแห่งความสงบสุข และมีความสำคัญโดยเป็นจุดแบ่งกรุงเบอร์ลินออกเป็นสองส่วนคือตะวันออกและตะวันตก ด้านบนมีรูปปั้นชื่อ Quadrigaสูง 5เมตร มีราชินีแห่งชัยชนะ (Siegesgoettin Viktoria)ควบขับรถเทียมม้า 4ตัว มุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออกของเบอร์ลิน ในมือถืออิสริยาภรณ์กางเขนเหล็กกับพวงมาลัยใบมะกอกและ นกอินทรีซึ่งเป็นสัตว์ที่แสดงอำนาจของยุคปรัสเซียร์ (Preussen/Prussia)
พระราชวังชาล็อตเทนเบิร์ก (Schloss Charlottenburg)
พระราชวังอันสวยงาม เดิมเป็นที่ประทับฤดูร้อนในสมเด็จพระราชินีโซเฟียชาล็อต สร้างปลาย ศตวรรษที่ 17 และมีการต่อเติมเรื่อยมาในศตวรรษที่ 18 เดิมมีชื่อว่า Lietzenburg เป็นพระราชวัง สำหรับฤดูร้อนของพระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 1ต่อมาเมื่อพระราชินีคือพระนางโซเฟีย ชาล็อตสวรรคตลง จึงเปลี่ยนชื่อพระราชวังตามชื่อของพระนางเพื่อเป็นการรำลึกถึง นางฟ้าบนยอดปราสาทหมุนได้ ตามแรงลม ดังนั้นแต่ละวันเธอจะหันหน้าไปคนละทิศกัน เชื่อว่าถ้าเธอหันหน้ามาทางทิศที่เราอยู่จะ โชคดี หรือไม่ก็เดินหามุมไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอเอง
อนุสาวรีย์แห่งชัยชนะ (Siegessaeule)
สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคปรัสเซีย เพื่อเป็นอนุสรณ์ของการต่อต้านพวกเดนมาร์กในปี1864ออสเตรียในปี 1866 และฝรั่งเศส ในปี 1870-71เป็นเสาสูงประมาณ 69เมตร ออกแบบก่อสร้างโดย J.H.Strackระหว่าง ค.ศ.1865-73 แต่ชาวเบอร์ลินมักจะเรียกสถานที่นี้ว่า Golde Else หรือ Victoria แห่งเบอร์ลิน บนยอดเสาคือรูปปั้นของวิคตอเรีย (Victoria)เทพีแห่งชัยชนะ ถือพวงมาลัยจากใบมะกอก (สัญลักษณ์ของชัยชนะ) กับหอก รูปปั้นนี้หนัก 35 ตัน สูง 8 เมตร มีบันได 285 ขั้น สามารถเดินขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ บริเวณนี้ทั้งหมดเรียกว่า Grosser Stern แปลว่าดาวดวงใหญ่ เพราะมีถนนห้าสายใหญ่มาบรรจบกันที่อนุสาวรีย์นี้ ถ้ามองจากข้างบนลงมาจึงดูคล้ายรัศมีของดาวที่เป็นแฉก
-เมืองพอตสดัม (POTSDAM)
อีกหนึ่งเมืองสวยของอดีตเยอรมันตะวันออก ซึ่งถูกซ่อนเก็บไว้หลังกำแพง ความแตกแยก
มากว่า 40 ปี
พระราชวังซองส์ ซูซี (SANS SOUCI)
ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส ในความหมายว่า “ไร้กังวลหรือไกลกังวล” ซึ่งมีความงดงามไม่แพ้พระราชวัง แวร์ซายส์ เป็นที่ประทับฤดูร้อนของพระมหากษัตริย์ (ไร้กังวลหรือไกลกังวล)นี้ได้กลายเป็นมรดกโลก ภายใต้การคุ้มครอง ขององค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. ๑๙๙๐และมีหน่วยงานด้านการดูแลพิพิธภัณฑ์คอยบำรุงรักษา ปัจจุบันนี้มีคน เข้าเยี่ยมชมมากกว่าปีละ ๒ล้านคนจากทั่วโลก คฤหาสน์ไกลกังวลนี้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ของพระเจ้า เฟรเดอริคมหาราชแห่งปรัสเซียค่ะหากจะเปรียบเทียบก็ประมาณว่า เป็นคู่แข่งกับพระราชวังแวร์คซายส์ เห็นจะได้ แต่คฤหาสน์ไกลกังวลนี้ขนาดจะเล็กกว่ามาก ผู้ออกแบบคือ Georg Wenzeslaus von Knobelsdorff ตามพระบัญชาของเฟรเดริคมหาราชที่ทรงประสงค์จะมีที่พักผ่อนอันสงบจากงานพิธีในกรุงเบอร์ลิน พระราชวังหลังนี้ใหญ่กว่าวิลล่าขนาดใหญ่สองชั้นไม่มากนัก และมีห้องหลัก ๆ แค่ ๑๐ ห้อง แต่ปลูกสร้างบนเนินที่ทำเป็นเทอร์เรซไล่เลียงลงเนินไปตามลำดับ
-เมืองโคโลญจ์ เมืองนี้ประกอบด้วยโบสถ์สวยงามมากมาย มีประชากรประมาณ 1,000,000 คน เป็นเมืองเก่ากว่า 2000 ปี และยังเป็นศูนย์กลางศิลปะ ดนตรี ร่วมสมัย รวมทั้งมหาวิทยาลัยโคโลญจ์ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1388 ปัจจุบันมีนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษาระดับสูงอื่น ๆ อยู่เกือบแสนคน
มหาวิหารโคโลญจน์ (Cologne Cathedral หรือ Kolner Dom)
พระราชวังชาล็อตเทนเบิร์ก |
พระราชวังอันสวยงาม เดิมเป็นที่ประทับฤดูร้อนในสมเด็จพระราชินีโซเฟียชาล็อต สร้างปลาย ศตวรรษที่ 17 และมีการต่อเติมเรื่อยมาในศตวรรษที่ 18 เดิมมีชื่อว่า Lietzenburg เป็นพระราชวัง สำหรับฤดูร้อนของพระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 1ต่อมาเมื่อพระราชินีคือพระนางโซเฟีย ชาล็อตสวรรคตลง จึงเปลี่ยนชื่อพระราชวังตามชื่อของพระนางเพื่อเป็นการรำลึกถึง นางฟ้าบนยอดปราสาทหมุนได้ ตามแรงลม ดังนั้นแต่ละวันเธอจะหันหน้าไปคนละทิศกัน เชื่อว่าถ้าเธอหันหน้ามาทางทิศที่เราอยู่จะ โชคดี หรือไม่ก็เดินหามุมไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอเอง
อนุสาวรีย์แห่งชัยชนะ |
สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคปรัสเซีย เพื่อเป็นอนุสรณ์ของการต่อต้านพวกเดนมาร์กในปี1864ออสเตรียในปี 1866 และฝรั่งเศส ในปี 1870-71เป็นเสาสูงประมาณ 69เมตร ออกแบบก่อสร้างโดย J.H.Strackระหว่าง ค.ศ.1865-73 แต่ชาวเบอร์ลินมักจะเรียกสถานที่นี้ว่า Golde Else หรือ Victoria แห่งเบอร์ลิน บนยอดเสาคือรูปปั้นของวิคตอเรีย (Victoria)เทพีแห่งชัยชนะ ถือพวงมาลัยจากใบมะกอก (สัญลักษณ์ของชัยชนะ) กับหอก รูปปั้นนี้หนัก 35 ตัน สูง 8 เมตร มีบันได 285 ขั้น สามารถเดินขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ บริเวณนี้ทั้งหมดเรียกว่า Grosser Stern แปลว่าดาวดวงใหญ่ เพราะมีถนนห้าสายใหญ่มาบรรจบกันที่อนุสาวรีย์นี้ ถ้ามองจากข้างบนลงมาจึงดูคล้ายรัศมีของดาวที่เป็นแฉก
-เมืองพอตสดัม (POTSDAM)
อีกหนึ่งเมืองสวยของอดีตเยอรมันตะวันออก ซึ่งถูกซ่อนเก็บไว้หลังกำแพง ความแตกแยก
มากว่า 40 ปี
พระราชวังซองส์ ซูซี |
ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส ในความหมายว่า “ไร้กังวลหรือไกลกังวล” ซึ่งมีความงดงามไม่แพ้พระราชวัง แวร์ซายส์ เป็นที่ประทับฤดูร้อนของพระมหากษัตริย์ (ไร้กังวลหรือไกลกังวล)นี้ได้กลายเป็นมรดกโลก ภายใต้การคุ้มครอง ขององค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. ๑๙๙๐และมีหน่วยงานด้านการดูแลพิพิธภัณฑ์คอยบำรุงรักษา ปัจจุบันนี้มีคน เข้าเยี่ยมชมมากกว่าปีละ ๒ล้านคนจากทั่วโลก คฤหาสน์ไกลกังวลนี้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ของพระเจ้า เฟรเดอริคมหาราชแห่งปรัสเซียค่ะหากจะเปรียบเทียบก็ประมาณว่า เป็นคู่แข่งกับพระราชวังแวร์คซายส์ เห็นจะได้ แต่คฤหาสน์ไกลกังวลนี้ขนาดจะเล็กกว่ามาก ผู้ออกแบบคือ Georg Wenzeslaus von Knobelsdorff ตามพระบัญชาของเฟรเดริคมหาราชที่ทรงประสงค์จะมีที่พักผ่อนอันสงบจากงานพิธีในกรุงเบอร์ลิน พระราชวังหลังนี้ใหญ่กว่าวิลล่าขนาดใหญ่สองชั้นไม่มากนัก และมีห้องหลัก ๆ แค่ ๑๐ ห้อง แต่ปลูกสร้างบนเนินที่ทำเป็นเทอร์เรซไล่เลียงลงเนินไปตามลำดับ
-เมืองโคโลญจ์ เมืองนี้ประกอบด้วยโบสถ์สวยงามมากมาย มีประชากรประมาณ 1,000,000 คน เป็นเมืองเก่ากว่า 2000 ปี และยังเป็นศูนย์กลางศิลปะ ดนตรี ร่วมสมัย รวมทั้งมหาวิทยาลัยโคโลญจ์ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1388 ปัจจุบันมีนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษาระดับสูงอื่น ๆ อยู่เกือบแสนคน
มหาวิหารโคโลญจน์ |
สร้างสำเร็จพร้อมกับมีพีธีวางหลักหินบันทึกข้อมูลการก่อสร้าง โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1791แต่มีปัญหาให้ต้องหยุดพักการก่อสร้างไปบ้าง จึงต้องใช้เวลากว่าหกร้อยปีจึงสร้างเสร็จสมบูรณ์ มหาวิหารโคโลญจน์เป็นศาสนสถานของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก นับเป็นวิหารที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลกในสมัยนั้น (แม้ปัจจุบันก็ยังติดอันดับ 3 ของโลก)ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิก(Gothic) เป็นหอคอยแฝดสร้างเพื่ออุทิศให้ นักบุญปีเตอร์และ พระแม่มารี ปัจจุบันมหาวิหารโคโลญจน์นับจุดหมายสำคัญของเมืองโคโลญจน์และประเทศเยอรมนี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1996
-เมืองแฟรงค์เฟิร์ท ( Frankfurt )
เมืองซึ่งตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำไมน์ เป็นเมืองที่มีประวัติต่อเนื่องอันยาวหลายศตวรรษเคยเป็นสถานที่ ซึ่งกษัตริย์ และจักรพรรดิหลายพระองค์เคยใช้ ประกอบพิธีราชาภิเษก ในปัจจุบัน แฟรงเฟิร์ตกลาย เป็นเมืองศูนย์กลางการคมนาคมเชื่อมโยงไปทั่ว ประเทศ จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงทางการค้าของ เยอรมัน
จัตุรัสโรเมอร์
ที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ความสำคัญของที่แห่งนี้มี เดอะไคเซอร์ซาล หรือห้องจักรพรรดิที่มีการฉลองพิธีการสวมมงกุฎอันยิ่งใหญ่ ตรงกลางจัตุรัสเป็น น้ำพุแห่งความยุติธรรมด้านหน้าเป็นบ้านโครงไม้สมัยกลางที่ได้รับการบูรณะแล้ว
-เมืองแฟรงค์เฟิร์ท ( Frankfurt )
เมืองซึ่งตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำไมน์ เป็นเมืองที่มีประวัติต่อเนื่องอันยาวหลายศตวรรษเคยเป็นสถานที่ ซึ่งกษัตริย์ และจักรพรรดิหลายพระองค์เคยใช้ ประกอบพิธีราชาภิเษก ในปัจจุบัน แฟรงเฟิร์ตกลาย เป็นเมืองศูนย์กลางการคมนาคมเชื่อมโยงไปทั่ว ประเทศ จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงทางการค้าของ เยอรมัน
จัตุรัสโรเมอร์ |
ที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ความสำคัญของที่แห่งนี้มี เดอะไคเซอร์ซาล หรือห้องจักรพรรดิที่มีการฉลองพิธีการสวมมงกุฎอันยิ่งใหญ่ ตรงกลางจัตุรัสเป็น น้ำพุแห่งความยุติธรรมด้านหน้าเป็นบ้านโครงไม้สมัยกลางที่ได้รับการบูรณะแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น