วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

หมู่บ้าน Giethoorn

Giethoorn, Holland  หมู่บ้านที่ไม่มีถนนให้รถยนต์วิ่ง

หมู่บ้านเล็ก ๆ ในประเทศเนเธอร์แลนด์หรือฮอลแลนด์ ชื่อเมือง Giethoorn อ่านว่า "กีธรูนน์" อยู่ในเขตจังหวัด Overijssel ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นหมู่บ้านไม่มีถนน เพราะการเข้าถึงต้องใช้เรือ และการเดินทางภายในหมู่บ้านจะบ้านคลองเล็กๆ ก็คือหมู่บ้าน Giethoorn นั่นเอง

หมู่บ้านนี้ซึ่งตั้งอยู่ด้านขวามือของเขตสงวน De Wieden แห่งนี้ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ "เวนิสแห่งเนเธอร์แลนด์" ซึ่งกว่าจะมาเป็นหมู่บ้านแสนสวยที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ ที่นี่ถูกค้นพบโดยชาวเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อปี 1230 ในขณะนั้น มันมีซากเขาแพะกองอยู่เต็มไปหมด จึงได้ตั้งชื่อว่า "เกย์เธนฮอร์น" ซึ่งหมายถึง เขาแพะ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ก็ออกเสียงเพี้ยนจนกลายมาเป็น "กีธูร์น" ในที่สุด

ส่วนสาเหตุของแม่น้ำทั้งหมดซึ่งอยู่ที่นี่ก็เล่าต่อกันมาว่า เป็นเพราะในอดีตที่นี่เคยถูกใช้เป็นเหมืองขุดถ่านหินเลนมาก่อน และรูที่ถูกขุดนั้นก็กลายมาเป็นทางให้น้ำไหลเข้ามา และคนในสมัยก่อนก็ใช้สายน้ำเหล่านี้เป็นทางขนส่งถ่านหินในที่สุด
Giethoorn เป็นหมู่บ้านที่มีทัศนียภาพงดงามยิ่งนักตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่แสนจะลงตัวไม่ว่าจะเป็นลำคลอง รวมไปถึงแมกไม้สีเขียวขจี หมู่บ้านแห่งงนี้ได้รับสมญานามว่าเป็นเมือง เวนิส ของประเทศฮอลแลนด์เลยทีเดียว


                                               


                                          

   
                                     

ชาวเมืองนี้จะมีเรือไว้สัญจรกันทุกบ้าน บ้านทุกหลังอยู่ติดคลอง ส่วนใหญ่เป็นชาวไร่ซึ่งมีฟาร์มเป็นของตนเอง บ้านแต่ละหลังมุงด้วยต้นกก ออกแบบเป็นกระท่อมในรูปแบบตะวันตก ซึ่งดู สวยงามอย่างมาก


                                 
         

                                 

และจักรยานก็เป็นพาหนะหลักอีกอย่างหนึ่งของคนที่นี้

เพื่อถีบลัดเลาะไปตามทางเล็กๆและบนสะพานไม้โค้งอันงดงาม


                                           


                                           



                                           



                                           



                                          



                                          



                                          

ปกติแล้ว นักท่องเที่ยวมักเข้ามาเยี่ยมชมหมู่บ้านนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิคาบเกี่ยวกับฤดูร้อน เพราะจะได้ล่องเรือชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงามภายในหมู่บ้าน รวมถึงได้รื่นรมย์กับดอกไม้ที่ผลิบานสะพรั่งต้อนรับผู้มาเยือน ซึ่งอากาศในช่วงนี้ก็เย็นสบายกำลังดีด้วย


สำหรับค่าใช้จ่ายในการล่องเรือชมหมู่บ้าน ราคาประมาณ 5 ยูโร นอกจากนั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อีกเช่น พิพิธภัณท์ประจำหมู่บ้าน ร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ และร้านอาหารอร่อยๆ น่าลิ้มลอง

                                         



                                         



                                                 



                                    



                                    



                                    



                                    

                               
อย่างไรก็ดี ใช่ว่าหมู่บ้านนี้จะมีชื่อเสียงมาตั้งแต่แรกเริ่ม แต่มันเป็นที่รู้จักหลังจาก เบิร์ท ฮานสตรา ส่งภาพยนตร์ที่เขาเป็นผู้สร้างและถ่ายทำที่นี่ออกฉายเมื่อปี 1958 ต่างหาก และนับแต่นั้นเป็นต้นมานักท่องเที่ยวจากทั่วโลกก็แห่แหนกันมาที่นี่เพื่อจะได้ล่องเรือชิล ๆ พร้อม ๆ กับชมทิวทัศน์อันงดงามของธรรมชาติ รวมไปถึงสิ่งปลูกสร้างแนวดัตช์ที่คลาสสิกมีเอกลักษณ์รอบข้าง

และถ้าใครอยากสัมผัสบรรยากาศโรแมนติกและเงียบสงบน่าพักผ่อนแบบนี้บ้าง วันหยุดยาวคราวหน้าก็อย่าลืมควงแขนคนรักชวนกันมาเที่ยวที่นี่กันดูนะคะ รับรองว่าทิวทัศน์ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์มนต์ขลังเหมือนในนิทาน จะช่วยให้คุณตกหลุมรักจนติดใจอยากมาอีกครั้งอย่างแน่นอน



                                           




                                               



                                                   


                                                

วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557

มารยาทบนโต๊ะอาหาร

มารยาทบนโต๊ะอาหาร แบบยุโรปและแบบอเมริกัน (Dining Etiquette: European vs. American Dining Style)

            ในสังคมยุคโลกาภิวัฒน์อย่างในปัจจุบัน มารยาทที่ควรมีเมื่อคุณนั่งรับประทานอาหารอาจจะเป็นเรื่องที่น่าสับสน แม้กระทั่งกับคนที่เดินทางมาแล้วทั่วโลกก็ตาม แต่ในสังคมตะวันตก เราแบ่งมารยาทบนโต๊ะอาหารออกเป็นสองแบบใหญ่ๆเท่านั้น คือแบบยุโรป (European Dining Style) และ แบบอเมริกัน (American Dining Style)

                                      

            สำหรับมารยาทบนโต๊ะอาหารทั้งสองแบบนั้น เมื่อคุณนั่งลงที่โต๊ะ คุณจะสังเกตเห็นผ้าเช็ดปาก (napkin) ค่ะ ซึ่งคุณจะต้องคลุมผ้าเช็ดปากนี้ไว้บนตักทันทีที่นั่งลงที่โต๊ะอาหาร ตอนนี้ฉันมีผ้าเช็ดปากอยู่สองแบบ ผืนหนึ่งใหญ่กว่าอีกผืน ผืนที่เล็กกว่านี้เป็นผ้าเช็ดปากสำหรับอาหารมื้อกลางวัน (lunch napkin) ส่วนผืนที่ใหญ่กว่าเป็นผ้าเช็ดปากสำหรับอาหารมื้อค่ำ (dinner napkin) ค่ะ


                                               




               ผ้าเช็ดปากสำหรับมื้อกลางวัน เนื่องจากมันมีขนาดเล็กกว่า เมื่อคุณจะคลุมมันไว้บนตัก คุณต้องคลีมันออกทั้งผืนแล้วจึงวางคลุมไว้บนตักค่ะ ส่วนผ้าเช็ดปากสำหรับมื้อค่ำนั้นจะต่างกันเล็กน้อย เนื่องจากมันมีขนาดใหญ่กว่า เราจะคลี่ออกจนเหลือไว้ครึ่งผืน แล้ววางคลุมไว้บนตัก โดยหันด้านปิดเข้าหาตัว

              การเริ่มรับประทานอาหารของทั้งสองแบบจะเริ่มเหมือนกัน กล่าวคือ ถือส้อม (fork) ไว้ในมือซ้าย โดยคว่ำส้อมลงและวางนิ้วชี้ (index finger) ไว้หลังส้อม มือขวาถือมีด โดยคว่ำด้านคมของมีดลงและวางนิ้วชี้ไว้บนด้ามด้านหลังมีด
เมื่อคุณตัดอาหารเป็นชิ้นพอดีคำเสร็จ ในมารยาทบนโต๊ะอาหารแบบยุโรปนั้น ส้อมจะยังคงอยู่ในมือซ้าย และจิ้มอาหารเข้าปาก โดยที่ส้อมจะอยู่ในลักษณะคว่ำอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจะออกมาเป็นแบบนี้ เมื่อคุณต้องการทานอาหารที่นิ่มกว่าหรือผักในจาน วิธีที่ง่ายที่สุดคือ ให้ใช้ส้อมจิ้มไปที่ผักหรือเนื้อชิ้นนั้นแล้วค่อยๆใช้มีดช่วยดัน ให้ใช้ส้อมจิ้มได้ถนัดขึ้น

            สำหรับมารยาทบนโต๊ะอาหารแบบอเมริกันนั้น จะต่างออกไปเล็กน้อย เริ่มเหมือนกันคือตัดอาหารเป็นชิ้นพอดีคำก่อน จากนั้นก็วางมีดลงตรงมุมด้านบนของจาน แล้วเปลี่ยนมือจับส้อมมาเป็นมือขวา โดยจับให้ส้อมหงายขึ้น มือซ้ายต้องวางไว้ที่ตักเสมอ ห้ามนำมาวางท้าวไว้บนโต๊ะเด็ดขาด และเมื่อนำอาหารเข้าปากส้อมจะอยู่ในตำแหน่งหงาย ทำให้ดูอีกครั้ง ตัดอาหารก่อน วางมีดไว้มุมบน เปลี่ยนมาจับส้อมด้วยมือขวา มือซ้ายที่ว่างอยู่วางไว้บนตัก และนำอาหารเข้าปากโดยส้อมหงายไว้


                                              

           บางครั้งขณะรับประทานอาหาร คุณอาจจะรู้สึกอยากพักสักครู่โดยที่คุณยังทานไม่เสร็จ เราเลยมีท่าทางที่จะส่งสัญญาณบอกบริกรได้ว่า คุณยังทานไม่เสร็จ แค่พักการรับประทานอาหารสักครู่ วิธีการก็คือวางส้อมและมีดไว้เป็นมุมฉากคว่ำบนจาน แบบนี้ ส้อมต้องวางคว่ำไว้ และด้านคมของมีดต้องหันไว้ด้านในค่ะ จริงๆแล้วมันขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นคุณยังเหลืออาหารในจานมากน้อยแค่ไหน ถ้ายังเหลือมากหน่อยก็อาจจะวางส้อมและมีดไว้ห่างกันหน่อย หรือถ้าเหลือน้อยก็อาจจะวางไว้ใกล้กัน หรือซ้อนกันไว้เล็กน้อยก็ได้เหมือนกัน

          สำหรับมารยาทบนโต๊ะอาหารแบบอเมริกัน เมื่อคุณหยุดพักการรับประทานอาหาร มือทั้งสองข้างจะต้องอยู่บนตักเสมอยกเว้นเวลาเอื้อมมือมาหยิบแก้วเพื่อดื่มน้ำ แต่ในแบบยุโรป มือและข้อมือของคุณจะต้องอยู่เหนือโต๊ะตลอดเวลา

          อย่างไรก็ตาม ทั้งสองแบบเหมือนกันตรงที่ ห้ามท้าวศอกหรือแขนไว้บนโต๊ะจนกว่าคุณจะรับประทานอาหารเสร็จและจานและอุปกรณ์ทั้งหมดได้ถูกยกเก็บไปเรียบร้อยแล้ว

          นอกจากนี้ ยังมีท่าทางอีกอย่างที่จะส่งสัญญาณบอกบริกรได้ว่าคุณรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว นั่นคือการรวบส้อมและมีดไว้คู่กันแล้ววางเฉียงไว้ตรงมุมขวาของจาน หรือถ้าคิดถึงนาฬิกาก็จะเป็นตำแหน่งประมาณสี่นาฬิกาจะวางส้อมหงายหรือคว่ำไว้ก็ได้ แต่ด้านคมของมีดต้องไว้ด้านใน คือหันไปทางส้อมเสมอ





ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี



               ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เดิมชื่อ คอร์ราโด เฟโรชี (Corrado Feroci) ชาวอิตาลีสัญชาติไทยเป็นปูชนียบุคคลคนหนึ่งของไทยโดยได้สร้างคุณูปการในทางศิลปะจนเป็นที่รู้จักกว้างขวางทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้ง และครูสอนศิลปะในมหาวิทยาลัยศิลปากรจนเป็นที่รักใคร่และนับถือทั้งในหมู่ศิษย์และอาจารย์ และได้รับการยกย่องเป็นปูชนียบุคคลของมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีผลงานที่โดดเด่นหลายอย่างในประเทศไทย ได้แก่ พระราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่สวนลุมพินี และ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ได้รับการยกย่องว่าเป็น   บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยของไทย และเป็นบิดาแห่งมหาวิทยาลัยศิลปากร


     

                 ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2435 ในเขตซานโจวันนี (San Giovanni) เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี บิดาชื่อ นาย Artudo Feroci และมารดาชื่อนาง Santina Feroci เมื่ออายุ 23 ปี สามารถสอบผ่านเป็นศาสตราจารย์ จากราชวิทยาลัยศิลปแห่งนครฟลอเรนซ์ (The Royal Academy of Art of Florence) ศาสตราจารย์มีความรอบรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ศิลป์วิจารณ์ศิลป์และปรัชญาโดยเฉพาะมีความสามารถทางด้านศิลปะแขนงประติมากรรมและจิตรกรรม
               ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ. 2485 ประเทศอิตาลียอมพ่ายแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตร ชาวอิตาเลียนในประเทศไทยตกเป็นเชลยของ ประเทศเยอรมนี กับ ญี่ปุ่น แต่รัฐบาลไทยขอควบคุมตัวท่านศาสตราจารย์ คอร์ราโด เฟโรจี ไว้เอง และ หลวงวิจิตรวาทการ ได้ดำเนินการทำเรื่องราวขอโอนสัญชาติจากอิตาเลียนมาเป็นสัญชาติไทย โดยเปลี่ยนชื่อของท่านให้มาเป็น "นายศิลป์ พีระศรี" เพื่อคุ้มครองท่านไว้ ไม่ต้องไปถูกเกณฑ์เป็นเชลยศึกให้สร้าง ทางรถไฟสายมรณะ และ สะพานข้ามแม่น้ำแคว เมืองกาญจนบุรี
              ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลไทยให้ออกแบบปั้นและควบคุมการหล่อพระราชนุสาวรีย์ และอนุสาวรีย์สำคัญของประเทศไทย โดยการปั้นต้นแบบสำหรับพระปฐมบรมราชานุสรณ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472 - 2477 อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี พ.ศ. 2484 พระราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สวนลุมพินี และการออกแบบพระพุทธรูปปางลีลา ประธานพุทธมณฑล และท่านยังเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากรอีกด้วย
              ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 รวมสิริอายุได้ 69 ปี 7เดือน 29 วัน และยังจัดตั้งวันที่ 15 กันยายน ของทุกปี เป็น วันศิลป์ พีระศรี 




                                                               
   

                                





วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

ประเทศอิตาลี

                                         

ประเทศอิตาลี (Italy) มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐอิตาลี (Italian Republic) เป็นประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรป ตั้งอยู่ในคาบสมุทรอิตาลีที่มีรูปทรงคล้ายรองเท้าบูต โดยมี กรุงโรม (Rome) เป็นเมืองหลวงของประเทศ

-สภาพภูมิศาสตร์ มีพื้นที่ 301,225 ตร.กม. เป็นคาบสมุทรที่ยื่นลงไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อิตาลีมีเกาะใหญ่ 2 เกาะ คือ เกาะซาร์ดิเนีย (Sardinia) และ เกาะซิซิลี (Sicily)

                          
                   เกาะซาร์ดิเนีย (Sardinia)
เกาะซิซิลี (Sicily)

- ภาษา ภาษาอิตาลี เป็นภาษาราชการ
- ประชากร ประมาณ 58.46 ล้านคน และมีคนไทยอาศัยอยู่ในอิตาลีประมาณ 3,500 คน (พ.ศ.2543)
- ศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาธอลิค รัฐบาลอิตาลี รับรองสถานะของสมาคมชาวพุทธในอิตาลี (เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2543)
- วัดสันตจิตตาราม อยู่ห่างจากกรุงโรมประมาณ 52 กม.

วัดสันตจิตตาราม
                       
-การเมืองอิตาลี มีประธานาธิบดีเป็นประมุข อยู่ในตำแหน่งคราวละ 7 ปี ได้รับเลือกตั้งโดยสมาชิกของรัฐสภา รัฐสภาของอิตาลีประกอบด้วยวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ผู้แทนของทั้งสองสภาดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี

                   


-การศึกษา ชั้นประถมศึกษาจนถึงระดับมัธยมศึกษาใช้เวลาเรียน 13 ปี (ระบบ 5-3-5) ระดับอุดมศึกษาค่อนข้างยุ่งยาก และมีความแตกต่างจากระบบการศึกษาในประเทศต่างๆ หากจะเทียบวุฒิการศึกษาของไทย จะต้องมีการประเมินวุฒิการศึกษาจากวิชาเรียนต่างๆประกอบด้วย
  ระดับ Laurea Speciallstica เทียบเท่าปริญญาโท (ใช้เวลาเรียน 2 ปี 120 หน่วยกิต)
  ระดับ Laurea Specializzazione เทียบเท่าสูงกว่าระดับปริญญาโท
  ระดับ Dottorato di Ricerca เทียบเท่าปริญญาเอก

-เวลา ฤดูร้อน ช้ากว่าเวลาประเทศไทย 5 ชั่วโมง ฤดูหนาว ช้ากว่าเวลาประเทศไทย 6 ชั่วโมง

-อัตราแลกเปลี่ยนเงิน 1 ยูโร เท่ากับ 49 บาท สามารถแลกเงินได้ตามธนาคาร “Foreign Exchange” หรือ “Cambio”บัตรที่สามารถใช้ได้ในอิตาลี ได้แก่ American Express, Diner Club, Master Card,Visa Card

-การซื้อของยกเว้นภาษี นักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าเกิน 155 ยูโร สามารถขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้ โดยจะต้องนำแบบฟอร์ม Tax Refund ไปประทับตรา ณ ด่านศุลกากรที่สนามบินประเทศอียู ประเทศสุดท้ายก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับประเทศไทย


          

-โทรศัพท์
  รหัสประเทศอิตาลี 39 รหัสกรุงโรม 06
  รหัสโทรศัพท์ประเทศไทย 0066
  รหัสโทรศัพท์ไปกรุงเทพฯ 00662

- การขับขี่รถยนต์ – นักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถยนต์ขับขี่ได้โดยใช้ใบขับขี่รถยนต์ระหว่างประเทศ

                              

-การเข้าเมือง

- ผู้ถือหนังสือเดินทางทูต หรือหนังสือเดินทางราชการ ไม่ต้องขอวีซ่าและสามารถอยู่ในอิตาลีได้ 90 วัน
- ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย ต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าอิตาลี
- ผู้ถือหนังสือเดินทางไทย ที่ได้รับวีซ่าเดินทางเข้าอิตาลีและประสงค์จะพำนัก อยู่ในอิตาลีเป็นเวลานานเกินกว่า 8 วัน จะต้องรายงานตัวที่สถานีตำรวจใกล้ที่พักภายใน 8 วัน ทั้งนี้ควรจะขอข้อมูลจากสถานทูตอิตาลี เกี่ยวกับการทำใบ Permit of stay ด้วย
- ผู้ที่เดินทางเข้าอิตาลี จะต้องแสดงจำนวนเงินสดที่ติดตัวไป สำหรับจ่ายในอิตาลี และหากมีแต่บัตรเครดิต แต่ไม่มีเงินสดติดตัวตามวงเงินที่กำหนดไว้ บางครั้งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะกักตัวไว้ในสนามบิน และส่งตัวกลับ ประเทศไทย

                                

ข้อควรปฏิบัติ
- ควรถ่ายสำเนาหนังสือเดินทาง และบัตรประจำตัวประชาชนอย่างละ 1 ชุด ติดตัวไปด้วยเพื่อใช้เป็นหลักฐาน หากหนังสือเดินทางหาย
- กรณีหนังสือเดินทางหายต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แล้วไปติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม
- การขอหนังสือเดินทางและเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทาง ต้องติดต่อด้วยตนเองที่สถานเอกอัครราชทูตฯ เท่านั้น
- หากท่านจะพำนักอยู่ในประเทศอิตาลีเป็นเวลานาน โปรดแจ้งชื่อและที่อยู่ให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ทราบเพื่อประโยชน์ในการติดต่อหรือให้ความช่วยเหลือในกรณีที่จำเป็น
- อิตาลีมีวัฒนธรรมที่คล้ายคนเอเชีย โดยให้ความเคารพนับถือผู้สูงอายุ การแสดงความเคารพและให้เกียรติผู้สูงอายุถือเป็นมารยาทที่ชาวอิตาเลียนชื่น ชมมาก
- การมอบดอกไม้ ที่เป็นการแสดงความยินดีหรือขอบคุณ เมื่อได้รับเชิญเป็นแขกควร ให้เป็นช่อที่จำนวนเป็นเลขคู่ ในการทักทายกับชาวอิตาเลียนที่ยังไม่คุ้นเคยควรให้คำ “Signore” นำหน้าชื่อสกุลผู้ชายและ “Signora” นำหน้าชื่อสกุลผู้หญิง เมื่อแนะนำตัวหรือเรียกขานผู้นั้น

                               

ข้อไม่ควรปฏิบัติ
- ไม่ควรซื้อสินค้าที่เป็นของเทียม หรือเลียนแบบ เนื่องจากกฎหมายอิตาลีกำหนดโทษปรับผู้ซื้อสินค้าดังกล่าว 10,000 ยูโร
- ไม่สวมเสื้อเปิดไหล่ หรือกางเกงขาสั้น เข้าสำนักวาติกันหรือโบสถ์อื่นๆ
- ไม่ควรเข้าไปชมโบสถ์ หรือส่งเสียงดัง ในขณะมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
- ไม่ควรใช้สัญญลักษณ์มือในการสื่อภาษา หากไม่แน่ใจในความหมาย เช่น การใช้นิ้วมือ (โดยเฉพาะนิ้วกลาง)
- หลีกเลี่ยงการสนทนาที่มีความเห็นขัดแย้งทางศาสนา วัฒนธรรมและประเพณี

ข้อพึงระวัง
- การท่องเที่ยวในอิตาลี ไม่ควรใส่เครื่องประดับที่เป็นของมีค่าและแต่งตัวดึง ดูดความสนใจ การถูกล้วงกระเป๋า และถูกโจรกรรมเกิดขึ้นได้ทุกที่โดยเฉพาะที่มีคนเบียดเสียดหนาแน่น เช่น บริเวณสถานีรถไฟ สนามบิน รถเมล์ รถไฟใต้ดิน และแม้แต่ในโรงแรมที่ท่านพำนัก ขณะที่ท่านรับประทานอาหาร หากไม่ระมัดระวังกระเป๋าถือและของมีค่า ท่านอาจจะถูกฉกกระเป๋าและสิ่งของของท่านไปได้โดยง่าย
- การซื้อของควรนับเงินทอนให้ครบต่อหน้าผู้ขาย การใช้บัตรเครดิต ควรให้ผู้ขายรูดบัตรต่อหน้าท่าน
- ควรระวังคนมาตีสนิท ตำรวจปลอมขอตรวจบัตร

                         

- การเดินทางโดยรถประจำทาง รถไฟฟ้าใต้ดิน รถราง ต้องซื้อตั๋วก่อนขึ้นรถ โดยซื้อจากร้านขายกาแฟ ร้านขายบุหรี่ (TABACCHI) ตั๋วหนึ่งใบใช้โดยสารรถดังกล่าวได้ไม่จำกัดเที่ยวภายในเวลา 75 นาที
- ระวังทรัพย์สิน เงินสด เครื่องประดับขณะเดินทางโดยรถประจำทาง รถไฟฟ้าใต้ดิน รถราง โดยเฉพาะกระเป๋าสะพายสุภาพสตรี
- จดที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรมไว้ติดตัวเสมอ
- หากพักอยู่กับญาติ หรือคนรู้จัก ต้องรายงานตัวกับสถานีตำรวจท้องที่ภายใน 3 วัน หากพักโรงแรม ทางโรงแรมจะเป็นผู้ดำเนินการให้ตามกฎหมายอิตาลี