วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556



การทักทายของของชาวต่างชาติ

-ประเทศจีน , ญี่ปุ่น และเกาหลี มักจะทักทายด้วยการโค้งคำนับ
-ประเทศไทย และประเทศอินเดีย จะใช้วิธีการไหว้
-ประเทศอิตาลี จะทักด้วยการกอดพร้อมตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ
-ประเทศเซเนกัล ชนเผ่าโวลอฟ ค้อมตัวลงแล้วนำหลังมือของผู้อาวุโสมาแตะหน้าผากตัวเอง
-ประเทศแทนซาเนีย ห้ามมองหน้าอีกฝ่ายและต้องคุกเข่าลงพร้อมตบมือขณะทักทายผู้อาวุโส
-ประเทศเคนยา ชนเผ่าคิคูยู บ้วนน้ำลายตัวเองบนฝ่ามือของอีกฝ่าย เพื่ออวยพรให้โชคดี
-ประเทศนิวซีแลนด์ ชนเผ่าเมารี เอาจมูกแตะกันและคลึงเล็กน้อย วิธีนี้เรียกว่า “คีโอร่า” จะแตะกัน 2 ครั้ง แต่ถ้า 3 ครั้งเรื่องใหญ่แน่ๆ เพราะหมายถึง “แต่งงานกันไหม?”
-ประเทศทิเบต ดึงหูทั้งสองข้างของตัวเองไว้พร้อมแลบลิ้น
-ประเทศอาร์เจนตินา หอมแก้มกันและทำเสียง”จุ๊บ”เวลาทักทาย
-ประเทศบราซิล ชนพื้อเมืองในบราซิลจะใช้ใบหน้าและส่วนอกสัมผัสกันพร้อมหอมแก้ม
-ประเทศสหรัฐอเมริกา หอมแก้มกันเมื่อทักทายเพื่อนหรือคนในครอบครัว
-อะแลสกา ชนเผ่าเอสกิโมเอาจมูกแตะกันและคลึงเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพและการต้อนรับ
-ประเทศอินเดียเหนือ ชาวลาดัก ทักทายโดยยกมือขวาขึ้น
-ประเทศอิรัก  ทักทายหญิงสาวที่ใส่ผ้าคลุมหน้าโดยใช่ฝ่ามือทาบที่หน้าอกตัวเอง   สำหรับหญิงสาวที่ไม่ใส่ผ้าคลุมหน้าใช่การจับมือ
-ประเทศฝรั่งเศส จะแนบแก้มกับแก้มของอีกฝ่ายและทำเสียงจุ๊บ
-ชนเผ่าฮาวาย จะพูดว่า “อะโลฮา” ชูนิ้วหัวแม่มือและนิ้วก้อยส่ายไปมาในการทักทายเพื่อน
-แอฟริกา ชนเผ่ามาไซจะทักทายโดยการ ถ่มน้ำลายใส่หน้า
-สหรัฐอเมริกา จะพูดว่า”ไฮ” ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนใช่การจับมือ
-สำหรับคนยุโรปยุคใหม่ ภาพที่เห็นได้บ่อยกว่าคือการทักทายแบบ “แก้มชนแก้ม” ซึ่งใช้ในการทักทาย แสดงความยินดี ให้กำลังใจ หรือแสดงความเคารพ โดยไม่จำเป็นต้องมีอารมณ์โรแมนติกเจือปน การทักทายแบบนี้พบมากทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง รวมทั้งที่ละตินอเมริกา ซึ่งทั้งชายและหญิงใช้แก้มทักทายกันโดยไม่จำเป็นต้องสนิทกัน ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้แก้มชนกัน 2-3 ครั้ง แล้วแต่วัฒนธรรมแต่ละพื้นที่ และอาจจะมีการกอดหรือเชคแฮนด์ร่วมด้วย